วันอังคารที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2562

ซื้อสินค้าทางออนไลน์อย่างมั่นใจ กับ TAP

"ซื้อสินค้าทางออนไลน์อย่างมั่นใจ" กับTAP (Top Asian Products) ท่านมีอัตราเสี่ยงเป็น ศูนย์ 
     ด้วยเทคโนโลยีการสื่อสารที่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ทำให้การติดต่อระหว่างกลุ่มเพื่อน คนรู้จัก เป็นเรื่องง่ายยิ่งขึ้น ถึงอยู่กันคนละมุมโลกก็สามารถพูดคุยกันได้ตลอดเวลา  รวมไปถึงการติดต่อซื้อขายสินค้า ใช้บริการ หรือทำธุรกรรมต่างๆ ก็นิยมทำผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น เพราะสะดวกสบายแค่ปลายนิ้วคลิก ช่วยให้ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางอย่างมากเลยค่ะ
   

แต่ความสะดวกสบายในการซื้อขายสินค้าบนโลกออนไลน์เหล่านี้ ก็เปรียบเสมือนดาบสองคมนะคะ  หากมีผู้ที่ไม่ประสงค์ดีเป็นผู้ซื้อหรือผู้ขายก็ทำให้เกิดความเสียหายได้ อย่างเช่น หลาย ๆ ท่านคงได้ทราบข่าวซื้อขาย มือถือหลายค่าย  หรือแม้แต่ ไอโฟน ที่ได้รับความนิยมกันอย่างมาก ผ่านเว็บไซต์ Social Media แต่เมื่อผู้ซื้อโอนเงินค่าสินค้าแล้วกลับไม่ได้รับสินค้าตามที่สั่ง ซึ่งมีผู้เสียหายในกรณีนี้หลายคนและรวมมูลค่าเงินที่โอนไปทั้งหมดนับล้านบาทเลยค่ะ
    
จากกรณีดังกล่าวที่เกิดขึ้น ทางสมาคมผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทย ที่เป็นศูนย์กลางของผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ หรืออีคอมเมิร์ซ (e-Commerce) จึงได้มีแถลงการณ์ คำแนะนำในการซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ มาแนะนำแก่ทุกๆท่าน เพื่อให้สามารถเลือกซื้อสินค้าต่าง ๆ ทางออนไลน์อย่างมั่นใจและปลอดภัย  รวมถึง คำแนะนำสำหรับผู้ประกอบการค้าขายออนไลน์ ในการสร้างความมั่นใจให้กับผู้ซื้อ ด้วย ตามรายละเอียดดังนี้ค่ะ

คำแนะนำการซื้อสินค้าทางออนไลน์อย่างไรให้มั่นใจ
  1. หากเจอสินค้าที่ราคาถูกกว่าราคาท้องตลาดมากๆ จนผิดสังเกต ให้ตรวจสอบกับผู้ซื้อให้มั่นใจเสียก่อน อย่าเห็นแก่ของราคาถูกและรีบโอนเงินไปให้ก่อน เพราะผู้ร้ายมักตั้งราคาสินค้าให้ถูกกว่าท้องตลาด เพื่อโน้มน้าวให้คุณสนใจและซื้อ
     
  2. หลีกเลี่ยงการจ่ายเงินจำนวนมากๆ ให้กับคนที่เราไม่เคยซื้อของด้วยมาก่อน หากต้องการทำจริง ขอให้ไปเจอหน้า แล้วมอบเงินให้กันดีกว่า เนื่องจากส่วนใหญ่ผู้ร้ายมักหลีกเลี่ยงการพบหน้ากันจริงๆ จะมีเทคนิคการโน้มน้าวให้คุณโอนเงินไปให้ก่อนจึงควรระมัดระวัง
     
  3. เมื่อพบหน้าในกรณีที่ได้พบหน้ากันจริงให้ขอเอกสารยืนยันการซื้อ หรือติดต่อ เช่น สำเนาบัตรประชาชน หรือเอกสารยืนยันการซื้อสินค้า หรืออย่างน้อยขอถ่ายภาพของผู้ขายไว้
     
  4. ทดลองสั่งซื้อของจำนวนน้อยๆ ก่อน เพื่อสร้างความมั่นใจว่าผู้ค้าคนนั้น ส่งของจริง และมีตัวตนจริงซึ่งในรายที่ต้องการฉ้อโกงจะพยายามให้คุณสั่งของคราวละมากๆ ต้องระมัดระวังอย่างมาก
     
  5. อย่าไว้ใจ Social Network ของผู้ขาย เพราะบางคนมีหลายบัญชีผู้ใช้ พยายามขอบัญชีผู้ใช้งานจริงที่ใช้ในการติดต่อ  ทำให้สามารถตรวจสอบกลุ่มเพื่อนหรือผู้ติดตามและพฤติกรรมของการใช้งานจริงได้  โดยถ้าผู้ขายผ่าน Social Network มีความจริงใจก็ต้องยินดีในการให้บัญชีผู้ใช้งานจริง
     
  6. ควรตรวจสอบว่า ผู้ขายมีชื่อจริง นามสกุลจริง หรือชื่อของเจ้าของร้านแสดงอยู่หรือไม่ หากมีชื่อจริง หรือเลขบัญชีธนาคารที่ต้องโอนเงินชำระค่าสินค้าให้ ควรค้นหาตรวจสอบชื่อ นามสกุลใน Google เสียก่อนก่อนว่ามีประวัติอย่างไรมาบ้าง เพราะหากเป็นชื่อหรือบัญชีที่เคยมีการโกงมาก่อน ก็อาจจะเจอคนอื่นๆ แสดงความเห็นไว้ในที่อื่นๆ เช่นกัน และหากเป็นบัญชีธนาคารในรูปแบบบริษัทหรือนิติบุคคล ก็จะมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น
     
  7. ตรวจสอบชื่อเว็บไซต์ ว่าชื่อเว็บนี้ตั้งมานานแล้วหรือไม่ ตรวจสอบได้ที่ http://dawhois.com สำหรับ .com และสำหรับชื่อเว็บที่ลงท้ายด้วย .th ตรวจสอบได้ที่ http://thnic.co.th/whois หากเว็บที่เปิดมานานแล้วเกิน 6 เดือนขึ้นไป ก็จะมีความน่าเชื่อมากกว่าเว็บที่เพิ่งเปิดมาเพียงไม่กี่เดือน เพราะส่วนใหญ่เว็บที่หลอกลวงจะเปิดได้ในช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น
     
  8. หากเป็นผู้ที่ขายกับผู้ให้บริการที่มีชื่อเสียงก็จะมีความน่าเชื่อถือระดับหนึ่ง เพราะผู้ให้บริการจะมีการตรวจสอบร้านค้ามาก่อน
     
  9. ตรวจสอบจากการพูดคุยและโต้ตอบกันก่อนหน้านี้ของผู้ขายหรือเว็บนั้นๆ เช่น ในเว็บบอร์ด หรือ Social Network ดูว่ามีคนเข้าไปเขียนตอบอะไรบ้าง หรือกระทู้ล่าสุดที่ตอบคือเมื่อไร เพราะหากคำถามถูกทิ้งไม่ได้ตอบไว้นานจะมีความน่าเชื่อถือน้อยกว่า และต้องตรวจสอบว่ามีผู้เคยได้รับสินค้าแล้วหรือไม่ด้วย เพราะจะสามารถตรวจสอบตัวตนของเจ้าของนั้นได้ และควรระวังบัญชีผู้ใช้ที่เพิ่งสร้างขึ้นมาใหม่
     
  10. ตรวจสอบดูความใหม่ของสินค้าหน้าเว็บไซต์และการอัพเดทเว็บไซต์ หากเว็บไซต์มีการอัพเดทเป็นประจำ เช่น มีสินค้าใหม่ๆ  มีการเปลี่ยนแปลงโปรโมชั่น การเปลี่ยนแปลงข่าวสารหน้าเว็บเป็นประจำ ก็แสดงให้เห็นว่าเจ้าของร้านดูแลหน้าเว็บไซต์เป็นประจำ ทำให้เรามั่นใจได้มากขึ้น
     
  11. ตรวจสอบดูว่ามีลูกค้าที่เคยซื้อสินค้ากับร้านนี้หรือไม่ ลองตรวจสอบทางเว็บบอร์ดของทางร้าน หากมีหรือลองอีเมลติดต่อไปหาคนที่เคยซื้อไปว่าบริการของร้านค้าเป็นอย่างไรบ้าง เราจะได้มั่นใจมากขึ้น
     
  12. ตรวจสอบเบอร์ติดต่อของร้านค้า ที่มีเบอร์ที่เป็น 02 หรือเบอร์บ้าน จะมีความน่าเชื่อถือมากกว่า เพราะมีที่อยู่หลักแหล่งแน่นอน ในเว็บไซต์ควรมีที่อยู่ของธุรกิจแสดงอยู่ เพื่อบ่งบอกว่าร้านค้าหรือเจ้าของร้านอยู่ที่ไหน จะดีกว่าเว็บไซต์ที่ไม่แสดงข้อมูล
     
  13. หากเว็บไซต์นั้นๆ มีการจดทะเบียนกับกรมพัฒนาธุรกิจ กระทรวงพาณิชย์ก็จะน่าเชื่อถือมากขึ้น โดยและตรวจสอบได้ที่http://www.dbd.go.th/edirectory
     
  14. สำหรับการชำระเงินด้วยบัตรเครดิต หากร้านค้านั้นรองรับการจ่ายเงินประเภทนี้ ถ้าเกิดปัญหาเราสามารถดึงเงินกลับได้เพราะเป็นชำระเงินแบบ “เครดิต” ซึ่งแตกต่างกับการจ่ายเงินสดหรือโอนเงิน เพราะหากจ่ายไปแล้ว เมื่อผู้ขายเบิกเงินไปก็ยากที่จะไปเอาเงินคืน

คำแนะนำสำหรับผู้ประกอบการค้าขายออนไลน์ ในการสร้างความมั่นใจให้กับผู้ซื้อ
  1. ออกแบบหน้าร้านออนไลน์ของท่านให้ดูเป็นมืออาชีพ แสดงที่อยู่ติดต่อชัดเจน ส่วนใหญ่จะมีหน้าเว็บไซต์ที่เรียกว่า "ติดต่อเรา" หรือ 'Contact us' มีแผนที่ พร้อมเบอร์โทรศัพท์ หากมีเบอร์โทรศัพท์พื้นฐาน (เบอร์บ้าน) จะแสดงถึงการมีหลักแหล่งที่อยู่ที่น่าเชื่อถือมากขึ้น
     
  2. ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าและบริการที่มากเพียงพอ ทั้งข้อมูลและรูป แสดงราคาที่ชัดเจน ตั้งราคาอย่างมีเหตุผล ถ้าราคาต่ำมากกว่าท้องตลาดแม้จะเป็นสินค้าเดียวกัน ต้องมีการอธิบายที่เหมาะสม
     
  3. มีหน้าแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับผู้ขายให้มากขึ้น ควรมีหน้าเว็บไซต์ที่เรียกว่า "เกี่ยวกับเรา" ให้แสดงประวัติความเป็นมาของผู้ขาย เช่น รูปร้านค้า Offline (ถ้ามี) ประวัติการทำธุรกิจพร้อมรูปในอดีตถึงปัจจุบัน (ถ้ามี) พร้อมทั้งแสดงเครื่องหมายการรับรองจากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของท่าน (Certificated) เช่น เครื่องหมายแสดงความเป็นสมาชิกของสมาคม ชมรมที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจของท่าน เช่น เป็นสมาชิกลำดับที่ a ของสมาคมโรงแรมไทย เป็นต้น
     
  4. ในข้อมูล เกี่ยวกับเรา สามารถแสดง ภาพออฟฟิศ ทีมงาน ผู้บริหาร พนักงาน เพื่อแสดงให้เห็นถึงความมีตัวตนอยู่จริงของธุรกิจออนไลน์นั้นๆ
     
  5. จดทะเบียนกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าซึ่งจะได้เครื่องหมายรับรอง Registered และ Verified ตามลำดับขั้น
     
  6. ให้ข้อมูลตัวอย่างลูกค้าที่มาใช้บริการ โดยคัดเลือกลูกค้าที่ได้รับความเชื่อถือเป็นที่ยอมรับ มีชื่อเสียงทั่วไปมาแสดง (ถ้ามี) หรือเป็นข้อคิดเห็น บทสัมภาษณ์จากลูกค้าทั่วไปที่ให้ความเห็นเกี่ยวกับท่านอย่างเป็นความจริง ดูน่าเชื่อถือ แสดงรูป ชื่อ หรือองค์กร ของผู้ให้สัมภาษณ์อย่างชัดเจน (ถ้ามี)
     
  7. มีเงื่อนไขและนโยบายการใช้บริการที่ชัดเจน เช่น นโยบายการเปลี่ยนคืนสินค้า นโยบายการคืนเงิน นโยบายการจัดการกรณีสินค้าชำรุดระหว่างการจัดส่ง นโยบายการจัดการกรณีไม่ได้รับความพึงพอใจจากการใช้สินค้า ฯลฯ ผู้ประกอบการออนไลน์ที่มีการแสดงเงื่อนไขและนโยบายต่างๆ เหล่านี้ จะแสดงถึงความจริงจังในการทำธุรกิจและการบริหารจัดการกับลูกค้าจำนวนมากตลอดระยะเวลาที่ยาวนาน รวมถึงนโยบายส่วนบุคคล (Privacy Policy) ที่เป็นการรักษาข้อมูลของลูกค้าที่ดีอีกด้วย
     
  8. หากมี บัญชีธนาคารในรูปแบบบริษัท สำหรับการรับชำระเงิน จะได้รับความน่าเชื่อถือมากกว่า บัญชีชื่อบุคคลธรรมดา
     
  9. ดูแล Webboard อย่าให้มี Spam เข้ามาโพสต์ เช่น ขายตรงอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของท่าน มีการตอบ Webboard อย่างสม่ำเสมอ รวมไปถึงมีการรักษาความมั่นคงปลอดภัยในระดับหนึ่ง
     
     ทั้งหมดนี้ เป็นข้อแนะนำของทางสมาคมผู้ประกอบการณ์พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทย ที่ต้องการเห็นการค้าขายทางออนไลน์เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย  

สำหรับลูกค้าที่สนใจการสั่งซื้อของออนไลน์ ด้วยเหตุผลอื่น ๆ เช่น ไม่สะดวกในการเดินทาง ไม่มีเวลา ท่านสามารถสั่งซื้อสินค้าได้โดยตรงกับบริษัทที่มีโปรดักดิ์มากมาย หลายแบบ หลายประเภท ยอดสั่งซื้อไม่จำกัด การจัดส่งรวดเร็วและ ไม่ชำรุด ง่ายต่อการสั่งซื้อ การชำระเงิน ท่านสามารถทดลองซื้อสินค้าจาก TAP ได้ทันที โดยสั่งตรงจากร้าน ใช้เวลา ไม่เกิน 1 วัน (ในกรุงเทพและปริมณฑล  และ 3 วัน(ในต่างจังหวัด)
หากท่านต้องการ บริโภคสินค้าในราคาที่ประหยัด ท่านสามารถสมัครสมาชิก และสั่งซื้อได้โดยได้ในราคาสมาชิกลดราคา  10%- 40%
Facebook Page:คลิกที่นี่
FacebookGroup กลุ่มสมาชิก คลิกที่นี่
สอบถามได้ที่ แอดมิน บล็อกนี้ค่ะ
089-707-2874( วารีนา ปุญญาวัณน์) 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น